UFABETWINS โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : จะทุกข์หรือสุขก็มีรอยยิ้มให้อยู่เสมอ

UFABETWINS  แสงแดดสาดส่องลงบนหาดทราย โรงแรมสวยหรูสูงเสียดฟ้า ร้านอาหารตามชายหาดชูเมนูโปรดล็อบสเตอร์คู่กับเครื่องดื่มราคาแพง

มาเซโอ เมืองหลวงแห่งรัฐ อลาโกอาส หรือที่รู้จักในชื่อ แคริบเบียนแห่งบราซิล เป็นเพียงฉากหน้าที่เบื้องหลังคือเมืองด้อยพัฒนาของประเทศ

เมื่อลงลึกถึงกลางใจมือง มาเซโอ อันงดงามเป็นเพียงภาพลวงตาที่แตกต่างจากรูปโปสการ์ดอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม เมืองที่เต็มไปด้วย ความรุนแรง, สภาพกองขยะ, ทางน้ำเน่าเหม็น และกระท่อมอันหยาบกร้าน คือจุดเริ่มต้นการเดินทางของเด็กหนุ่มพูดน้อยที่มีรอยยิ้มเป็นสื่อกลางให้ผู้รับสารได้เข้าใจ

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ บาร์โบซ่า เดอ โอลิเวย์ร่า ใช้ชีวิตในชุมชนแร้นแค้นที่เต็มไปด้วยปัญหาความยากจน

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : จะทุกข์หรือสุขก็มีรอยยิ้มให้อยู่เสมอ

ฟีร์มีโน่ เติบโตมากับเสียงเชียร์ 20,000 คนจากสนาม เอสตาดิโอ เรย เปเล่ ไม่แปลกที่ชีวิตของเขาจะหลงเสน่ห์ฟุตบอลเข้าเต็มเปา

บ้านหลังเก่าใน ทราปิเช่ กลิ่นอายเดิมๆ ยังไม่เคยเปลี่ยน บนกำแพงหลังบ้านมีของแหลมติดเอาไว้ เข้าใจว่าเพื่อป้องกันหัวขโมยแต่แท้จริงเหตุผลหลักคือป้องกันไม่ให้หนูน้อยฟีร์มีโน่ ปีนข้ามผ่านกำแพงแผ่นนั้นออกไปยังนอกบ้าน

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : จะทุกข์หรือสุขก็มีรอยยิ้มให้อยู่เสมอ

  “ที่นี่มักมีความรุนแรงอยู่เสมอ และแม่ของ โรแบร์โต้ ก็ดูเป็นห่วงเขามาก” บรูโน่ บาร์โบซ่า ดอส ซานโตส เพื่อนสมัยเด็กของ ฟีร์มีโน่ กล่าว

    “เขาเป็นคนบ้าฟุตบอล แต่มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะได้แสดงมันออกมา ดังนั้นเขาเลยกระโดดข้ามกำแพงเพื่อออกมาเล่นกับพวกเราบนถนน ครั้งหนึ่งเขาพลัดตกและต้องเย็บตรงหัวเข่า ทุกวันนี้ยังมีแผลเป็นอยู่เลย”

นอกจาก บรูโน่ เพื่อนคนอื่นๆ มักจะช่วยให้ ฟีร์มีโน่ ปีนข้ามรั้วออกจากบ้านให้ได้

พวกเด็กๆ มักส่งสัญญาณถึงเวลาเตะบอล โดยโยนหินบอกทางเพื่อเป็นสัญญานให้คนที่เก่งที่สุดในละแวกนี้ออกมา ส่วนโค้ชใหญ่ก็ช่วยต่อบันไดให้ลูกศิษย์ง่ายต่อการปีนป่าย

  “แม่ของ โรแบร์โต้ กังวลมากเพราะคนละแวกนั้นมักโตไปเป็นหัวขโมย แต่เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนั้นเลยสักนิด” เดเดว อีกหนึ่งเพื่อนเก่าที่ปัจจุบันยังอาศัยอยู่ที่ ทราปิเช่ เล่า

    “เขาเป็นคนเงียบๆ และเวลาอายก็จะยิ้มออกมา”

    “เขาบ้าฟุตบอลมากนะ แม้แต่ตอนที่ไม่มีลูกฟุตบอลให้เล่น เขาก็จะเอาผลส้มมาเลี้ยงบอลไปมา ความฝันของเขาคือเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่ที่ที่เขาอยู่มันยากมากที่จะทำได้ดั่งใจหมาย นี่แหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงมีความสุขกับเขามากในตอนนี้ เขาคู่ควรกับความสำเร็จที่ได้มา”

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : จะทุกข์หรือสุขก็มีรอยยิ้มให้อยู่เสมอ

หากคุณได้พูดคุยกับคนรอบตัวที่ใช้ชีวิตกับครอบครัวฟีร์มีโน่ ทุกคนจะพูดเหมือนกันว่า “HUMIDE” ที่แปลเป็นไทยว่า “ถ่อมตัว” ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่ทำงานหนักเพื่อถีบตัวเองให้รอดพ้นจากครอบครัวที่ยากจน

แหล่งรายได้เดียวของครอบครัวนี้ คือการขายน้ำในงานดนตรีและตามเกมการแข่งขันฟุตบอล  โชเซ่ คอร์เดยโร่ คุณพ่อของ โรแบร์โต้ ทำอาชีพเป็นพ่อค้าขายของตามท้องถนน โดยได้ลูกชายมาช่วยด้วยการเป็นคนเก็บเงินกับคอยให้เงินทอน

ขณะที่คุณพ่อต่อสู้อย่างหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว จนแทบมองไม่เห็นหนทางที่จะถีบตัวไปได้ไกลกว่านี้ ทว่าลูกชายกลับมีเป้าหมายใหญ่ที่หมายมั่นพาพ่อ, แม่ และน้องสาว ออกไปอยู่ที่อื่นให้ได้

    “เขาเป็นเด็กที่คิดดีต่อคนอื่นอยู่เสมอ ถึงตอนนี้เขาก็ยังช่วยเหลือคุณยายของผมโดยมอบรถเข็นให้หลังจากที่ท่านเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ” บรูโน่ ซึ่งยังคงติดต่อกับ ฟีร์มีโน่ ผ่านทาง ว้อทส์แอปป์(WhatsApp) เผย

    “ความฝันของเขาคือการที่พา แม่, พ่อ และน้องสาว ออกไปอยู่ที่อื่นให้ได้”

เลี้ยวขวาจากถนนที่ ด.ช. ฟีร์มีโน่ เคยใช้ชีวิต เดินประมาณหนึ่งนาทีคุณก็จะเห็นสนามฟุตบอลคอนกรีตเล็กๆ ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยฝุ่นและกองขยะ

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : จะทุกข์หรือสุขก็มีรอยยิ้มให้อยู่เสมอ

ที่แห่งนี้คือที่ที่ ฟีร์มีโน่ เคยฝึกฝนทักษะและฝีเท้า พัฒนาตัวเองเรื่องการครองบอลและรุ่นพี่หลายคนต่างเคยพ่ายแพ้ให้แก่รุ่นน้องที่อายุน้อยกว่าตัวเอง 6 ปี

    “เขาดู โรนัลดินโญ่ เกาโช่ และ โรนัลโด้ ทางทีวี และอยากจะเป็นเหมือนสองคนนั้น” เดเดว เผย

    “เขามักจะพูดถึงความสามารถของ โรนัลดินโญ่ แต่ที่จริงเขาเองก็มีความสามารถที่ดีเหมือนกัน เขาเก่งกว่าคนอื่นๆอยู่เสมอ เขาเล่นได้ยอดเยี่ยมมากๆ เขาเลี้ยงบอลได้ดีหลายครั้งจนสุดท้ายพวกเราก็โดนหลอกจนต้องลงไปนั่งกองกับพื้น”

ที่นั่งเล็กๆ ตรงประตูทางเข้า เอสโคล่า เอสตาดูอัล โปรเฟสเซอร์ ทาร์สิซิโอ เดอ เฆซุส โรงเรียนเก่าของ ฟีร์มีโน่ มีป้ายข้อความติดตรงประตูห้องของครูใหญ่ว่า “จงเริ่มต้นด้วยการทำสิ่งที่จำเป็นก่อน จากนั้นจึงทำสิ่งที่เป็นไปได้ และสุดท้าย คุณก็จะทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้” อาริ ซานติอาโก้ ยิ้มทันทีที่เขาได้อ่านข้อความนี้

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : จะทุกข์หรือสุขก็มีรอยยิ้มให้อยู่เสมอ

อาริ คือคนที่พร่ำสอนนักฟุตบอลในโรงเรียนว่าให้ฝันให้ใหญ่เข้าไว้ แต่เขาก็ไม่คิดไม่ฝันว่า หนึ่งในนักเรียนของตัวเองจะไปไกลจนติดทีมชาติบราซิล

  “หนึ่งในเรื่องที่ทำให้ผมสร้างทีมฟุตบอลคือหลังจากที่ผมกลับมาจากการพักร้อนไปหนึ่งปี ผมเรียนรู้จากการที่นักเรียน 3 คนถูกฆ่าตาย” อาริ เล่าถึงความหลัง

   “ในตอนนั้น ที่นี่มันมีความรุนแรงเอามากๆ และการตายของพวกเขาสร้างความปวดใจกับผมมาก ผมเลยคิดว่า -เอาล่ะ เราต้องแสดงให้เด็กๆ เห็นว่ามีอย่างอื่นอีกนอกจากเรื่องความรุนแรง เพราะถ้าเราไม่ทำ พวกเขาก็จะเข้าไปพัวพันกับเรื่องนั้นด้วย”

    โรงเรียนไม่ได้มีหน้าที่แค่ปลูกฝังพฤติกรรมให้ดีขึ้นให้กับนักเรียนที่เป็นกังวลว่าจะถูกทอดทิ้ง แต่เป็นเหตุผลให้ อาริ ไปพูดคุยกับเด็กวัย 14 ปีที่มีพรสวรรค์และได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดในโรงเรียน

  “ถึงเขาเป็นคนเงียบๆ แต่ก็มักจะถามถึงลูกฟุตบอลตลอดเลย” อาริ เผย

    “ผมจำได้แม่นว่าจะมีการมอบลูกฟุตบอลให้เด็กเฉพาะในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง แต่เขาก็มักจะมาพร้อมกับรอยยิ้ม และทำท่าทีสื่อถึงลูกฟุตบอลด้วยมือของเขา ซึ่งบางครั้งผมก็ใจอ่อนยอมให้เขาไป แต่บางครั้งก็ใจแข็งไม่ยอมให้บอลกับเขา ยังไงก็ตาม มันก็เป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะปฏิเสธเขาได้เมื่อเจอรอยยิ้มแบบนั้น”

ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ของทัวร์นาเมนต์ระดับท้องถิ่น โรงเรียนของ ฟีร์มีโน่ จับมาเจอกับ ซีอาร์บี หนึ่งในทีมยักษ์ใหญ่ประจำภูมิภาคและภายหลังคือต้นสังกัดของ ฟีร์มีโน่

ความคิดของ ฟีร์มีโน่ ตอนนั้นเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขาเดินไปบอกกับคุณครูว่าให้เอาถุงลงสนามไปด้วย… เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพื่อจะได้เอาไว้ใส่ลูกบอลที่ตัวเองส่งเข้าประตูได้นั่นเอง และผลงานการแข่งขันในวันนั้น จบลงด้วยชัยชนะของโรงเรียนฟีร์มีโน่ ถึง 8-0

 “วันต่อมาผมอยู่ในออฟฟิศในตอนที่เขาเดินทางมาถึงโรงเรียน ซานติอาโก้” 

  “เขาเดินผ่านผมไป ไม่ได้พูดอะไรแต่หัวเราะออกมา หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับยิ้มอย่างร่าเริง แล้วจากนั้นก็เดินหนีไปอีก”

    “การยิ้มแบบนั้นแหละคือการแสดงออกในรูปแบบของเขา” อาริ เปิดใจ

ย้อนไปก่อนหน้าแมตช์นั้น ความจริง ฟีร์มีโน่ เซ็นสัญญากับ ซีอาร์บี ไปเรียบร้อยแล้วแต่ได้รับอนุญาตให้ลงเล่นได้ โดยตอนที่ไปทดสอบฝีเท้าก็มีคุณแม่ตามไปด้วย ซึ่ง กิลเฮอร์เม่ ฟาริอาส โค้ชทีมเยาวชนของ ซีอาร์บี ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการตัดสินใจว่าเจ้าหนูตัวผอมๆ ที่ใส่รองเท้าขาดๆ สมควรได้รับสัญญากับสโมสร

    “สิ่งที่ดึงดูดสายตาผมได้ทันทีคือคุณภาพที่เขามีในเกม” ฟาริอาส ที่ในห้องนั่งเล่นมีบรรดาโทรฟี่และเสื้อแข่งพร้อมลายเซ็นของอดีตผู้เล่นของทีม ซึ่งหนึ่งในนั้นมีของ เปเป้ เจ้าของแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยรวมอยู่ด้วย เผย

    “โรแบร์โต้ เป็นคนเงียบๆ แต่วิธีการยิงของเขามันยอดเยี่ยมมากๆ ผมจับเขาลงสนามและทันทีที่เพิ่งผ่านการเล่นไป 3 จังหวะ ผมบอกเขาให้หยุดและพูดว่า  -เตรียมกระดาษเอกสารให้พร้อมเลย นายจะเล่นให้กับเรา- “

ความช่วยเหลือจาก ฟาริอาส และ มาร์เซลลัส ปอร์เตลย่า หมอฟันประจำทีม ทำให้ ฟีร์มีโน่ ได้ไปเล่นให้กับ ซีอาร์บี เป็นเวลา 2 ปี โดยตอนนั้นเขารับบทเป็นกองกลางตัวรับที่ถอยไปอยู่ในพื้นที่ลึกๆ และมักได้ลงเล่นร่วมกับ วิลเลี่ยน โชเซ่ กองหน้าคนปัจจุบันของ เรอัล โซเซียดาด

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : จะทุกข์หรือสุขก็มีรอยยิ้มให้อยู่เสมอ

ในช่วงหนึ่งเขาเคยต้องเดินทางด้วยรถบัสเป็นเวลาถึง 120 ชั่วโมง เพื่อเดินทางไปเล่นทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์ระดับประเทศที่ เซา เปาโล ตอนนั้นขากับเท้าบวมสุดๆ แต่ความกระตือรือร้นในตัวเขาก็ไม่เคยลดน้อยลงเลย

ปอร์เตลย่า ซึ่งภายหลังเป็นที่ปรึกษาและเอเยนต์ส่วนตัวของ ฟีร์มีโน่ กล่าวเพิ่มเติมว่า “โรแบร์โต้ เป็นคนคิดบวกและมีความมุ่งมั่นเสมอ ผมไม่เคยเห็นผู้เล่นคนอื่นๆ เหมือนกับเขาเลย ผมเคยพูดไว้ว่า -วันหนึ่ง คุณจะเห็นเด็กคนนี้ติดทีมชาติบราซิล- จากนั้น ทุกคนก็บอกว่า หมอคนนี้บ้าไปแล้ว และวันนี้เขาก็เป็นแบบนั้นจึงทำให้ผมปิดปากใครหลายๆ คนได้เลยล่ะ”

ไม่นานหลัง ฟีร์มีโน่ อายุครบ 16 ปี ปอร์เตลย่า ก็ให้ โตนินโญ่ อัลเมยด้า โค้ชทีมเยาวชนของ ซีอาร์บี ติดต่อกับ ลูเซียโน่ “บิลู” โลเปส

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : จะทุกข์หรือสุขก็มีรอยยิ้มให้อยู่เสมอ

อัลเมยด้า ส่งดีวีดีที่เต็มไปด้วยไฮไลท์การครองบอลอันยอดเยี่ยมของเขาไปให้ และ บิลู ก็ประทับใจกับการที่ ฟีร์มีโน่ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม เขาช่วยจัดแจงให้ ฟีร์มีโน่ ทดสอบฝีเท้ากับ เซา เปาโล ซึ่งตอนนั้นเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ รวมถึงกับ ฟิกูเรนซ่

อย่างไรก็ตาม ตลอด 2 สัปดาห์ที่ฝึกฝีเท้ากับ เซา เปาโล ฟีร์มีโน่ แทบไม่ได้สัมผัสกับลูกบอลจริงๆ เลย และสุดท้ายเขาก็ไม่ได้รับข้อเสนอ

เรื่องนี้ทำให้ ฟีร์มีโน่ หงุดหงิดมาก แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก โดยหลังจากนั้น เขาก็มุ่งไปรัฐซานต้า คาตาริน่า ที่อยู่ทางใต้ เพื่อไปทดสอบฝีเท้ากับ ฟิกูเรนซ่

หนนี้แม้ว่าโค้ชหลายคนของ ฟิกูเรนเซ่ จะไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเขาเท่าไหร่จากการที่เป็นคนเงียบๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ ฟีร์มีโน่ ได้จับบอลแล้วล่ะก็ เขาก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนกลายเป็นเหมือนกับว่า เขาให้ฝีเท้าแสดงออกถึงความเป็นตัวตนได้เป็นอย่างดี

“โรแบร์โต้ มาทดสอบฝีเท้าช่วงกลางปี 2008” เฮแมร์ซอน มาเรีย ซึ่งเป็นโค้ชของ ฟิกูเรนซ่ รุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปี เผย

    “การทดสอบทั่วไปจะใช้เวลามากที่สุดคือ 1 เดือน แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นด้วยว่าจะทำได้น้อยกว่านั้นไหม อาจจะ 2 สัปดาห์ หรือ 10 วัน ก็ได้”

    “สำหรับ ฟีร์มีโน่ เขาแค่ทดสอบเพียง 30 นาทีเท่านั้น เขายอดเยี่ยมมากๆ เขาทำได้ไม่มีข้อผิดพลาดเลย แสดงให้เห็นถึงเทคนิคและคุณภาพที่เต็มเปี่ยม และยังทำประตูได้ด้วยลูกจักรยานอากาศ 2 ประตู จากนั้นทุกคนต่างพากันพูดถึงเขาและผมก็รู้ได้ทันทีว่าเรามีผู้เล่นที่พิเศษอยู่ในมือแล้ว”

ที่ ฟิกูเรนเซ่ มาเรีย จับ ฟีร์มีโน่ เปลี่ยนตำแหน่งการเล่นทันที โดยขยับให้ไปเล่นเกือบจะเป็นตัวรุกบนแดนหน้า

แม้ว่าจะคิดถึงบ้าน แต่ด้วยความที่เขามีความมุ่งมั่นที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ได้รับ ฟีร์มีโน่ มักจะติดต่อกับเพื่อนๆ ใน มาเซโอ ผ่านทางโปรแกรม ออร์คุต และ เอ็มเอสเอ็น เมสเซนเจอร์ (MSN) อยู่บ่อยๆ เขาบอกกับบรรดาเพื่อนๆ ว่าจะกลับไปที่บ้านเกิดก็ต่อเมื่อประสบความสำเร็จแล้วเท่านั้น

    ทว่ามันก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการที่เขาเป็นคนขี้อายอยู่  ถึงขนาดว่า มาเรีย เคยเข้าใจผิดจนเรียกเขาว่า “อัลแบร์โต้” เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยที่ ฟีร์มีโน่ ก็ไม่ได้ออกมาแก้ไขให้ถูกต้องเลย

บิลู ผู้ซึ่งมีส่วนสำคัญในงานแต่งงานของ ฟีร์มีโน่ เผยว่า “ไม่นานหลังจากผมนำ โรแบร์โต้ มาที่ ฟิกูุเรนเซ่ ผมก็ได้รับสายจากฝ่ายประสานงานของศูนย์ฝึก ถามว่า ฟีร์มีโน่ เป็นใบ้รึเปล่า เพราะเขาเงียบมากๆ  จากนั้น ผมก็โทรไปหาเขาแล้วบอกว่า -โรแบร์โต้ แกต้องพูดบ้างนะ แล้วเรียกบอลบ้าง คุยกับสตาฟฟ์ด้วย- แล้วก็มีแค่เสียงหัวเราะเท่านั้น เขาไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา”

ในปี 2009 ก่อนที่ ฟีร์มีโน่ จะได้ขึ้นเล่นทีมชุดใหญ่ของ ฟิกูเรนเซ่ เขาได้รับเชิญไปทดสอบกับ โอลิมปิค มาร์กเซย ยอดทีมแห่ง ลีก เอิง

ซึ่งการเดินทางไปยังทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส จะมีการต่อเครื่องที่ สเปน พักหนึ่งก่อน และมันนำมาซึ่งความผิดพลาดทันที

แม้ว่า ฟีร์มีโน่ จะแวะที่สเปน เพื่อเปลี่ยนเที่ยวบินไปยัง ฝรั่งเศส เท่านั้น แต่ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองของสนามบิน มาดริด-บาราฆาส ก็กล่าวหาว่าเขาพยายามลักลอบเข้าประเทศโดยที่ไม่มีเอกสารถูกต้อง และเขาก็โดนจับออกจากสนามบินในสภาพที่น้ำตานองเต็มใบหน้า

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : จะทุกข์หรือสุขก็มีรอยยิ้มให้อยู่เสมอ

เมื่อกลับมายังประเทศบ้านเกิด มาเรีย พูดปลอบใจเด็กวัย 17 ปีรายนี้ว่า ครั้งหนึ่ง คาฟู ก็เคยมีประสบการณ์ผิดหวังแบบนี้มาก่อนในตอนช่วงแรกๆ ของอาชีพค้าแข้ง และต่อมาเขาก็กลายเป็นกัปตันทีมชาติบราซิล ชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกในที่สุด

หนึ่งเดือนต่อมา เขาก็เดินทางไปยัง มาร์กเซย อีกครั้ง คราวนี้เป็นเที่ยวบินตรง ทว่าท้ายที่สุด โอแอ็ม ตัดสินใจไม่จ่ายค่าตัว 1 ล้านยูโร เพื่อเป็นค่าฉีกสัญญาของ ฟีร์มีโน่

    “นับตั้งแต่นั้นกับความสำเร็จที่เขาทำได้ มันเป็นข้อผิดพลาดของเราที่ไม่ได้คว้าตัวเขามาครอง” ฌอง-ฟิลิปป์ ดูรองด์ อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่บุคคล ยืนยันถึงเรื่องนี้เมื่อปี 2018

3 สัปดาห์ต่อมาหลังจากอายุ 18 ปี ฟีร์มีโน่ ก็ก้าวขึ้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัวภายใต้ชุดแข่งดำ-ขาวที่ดูหลวมๆ ของ ฟิกูเรนเซ่ พร้อมกับหมายเลข 16 ที่แปะอยู่ด้านหลัง

ต่อยอดด้วย 13 เดือนหลังจากนั้น ฟีร์มีโน่ กลายเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดของ เซเรีย บี ช่วยพา ฟิกูเรนเซ่ เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นลีกสูงสุด และตอนสิ้นเดือนธันวาคม ปี 2010 ฟีร์มีโน่ ก็เซ็นสัญญากับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ด้วยค่าตัว 4 ล้านยูโร แม้จะได้รับความสนใจจากบรรดาแมวมองของ อาร์เซน่อล และ พีเอสวี  ไอน์ดโฮเฟ่น ด้วยก็ตาม

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : จะทุกข์หรือสุขก็มีรอยยิ้มให้อยู่เสมอ

การเปลี่ยนจากแสงแดดอันเจิดจ้าสู่ความหนาวเหน็บทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี คือความท้าทายครั้งใหญ่ของ ฟีร์มีโน่ แต่โค้ชหลายคนก็มักพูดเสมอว่า ความทุ่มเทของ ฟีร์มีโน่ ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น

หลังจากนั้น 2-3 ปีกับการเล่นใน เยอรมนี ฟีร์มีโน่ ได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นพัฒนาการยอดเยี่ยมแห่งปีของศึก บุนเดสลีก้า ซึ่งในปี 2015 ลิเวอร์พูล ก็เบียดคู่แข่งอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด และ แมนฯ ซิตี้ คว้าตัว ฟีร์มีโน่ ไปครอบครองด้วยค่าตัว 29 ล้านปอนด์

  “การที่เขาย้ายออกไปมันให้ความรู้สึก 2 อย่างกับเรา ด้านหนึ่งเรามีความสุขกันจนถึงขั้นหัวเราะ ส่วนอีกด้านหนึ่งเราเสียใจจนถึงขั้นร้องไห้ออกมา” อเล็กซานเดอร์ โรเซ่น ผู้อำนวยการฟุตบอล ฮอฟเฟ่นไฮม์ บอกกับ เวิร์ค ซอคเกอร์ ตอนปี 2018

    เด็กชายที่เติบโตจากถิ่นแร้นแค้นจนตอนนี้ก้าวขึ้นเป็นสตาร์ทีมชาติชุดใหญ่ของทีมชาติบราซิล ไม่เคยเลยที่จะลืมรากเหง้าของตัวเอง

เดือนกรกฎาคม ปี 2018 ไม่นานหลังจากเป็นคนชาว อลาโกอาส คนที่ 3 ที่ได้ลงเล่นฟุตบอลโลก เขามอบสิ่งดีๆ ให้แก่บ้านเกิด ไม่ว่าจะมอบกระเช้า 500 ชิ้นเพื่อแจกจ่ายให้กับครอบครัวท้องถิ่น, แจกของเล่นและเตียงผ้าใบให้กับบรรดาเด็กๆ, บริจาคเงิน 60,000 ปอนด์ ช่วยรักษาเด็กน้อยที่ป่วยเป็น SMA(Spinal Muscular Atrophy), ช่วยเหลือเงินเป็นรายเดือนให้แก่ โรงพยาบาล ใน ซานต้า คาตาริน่า, หรือจะซื้อเครื่องดื่มให้แก่คนแปลกหน้า 200 รายในร้านอาหารแถบ มาเซโอ ที่ตัวเองชื่นชอบ

อย่างไรก็ตาม ที่ บราซิล ก็มีคนไม่น้อยที่มีความรู้สึกว่า ไม่ยอมรับในฝีเท้าของ ฟีร์มีโน่ ซึ่งอาจเป็นเพราะการที่เขาไม่เคยเล่นให้กับทีมดังๆ ของประเทศ อย่างทีมใน เซา เปาโล หรือ ริโอ เดอ จาเนยโร

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : จะทุกข์หรือสุขก็มีรอยยิ้มให้อยู่เสมอ

ตัวอย่างเช่น ที่พิพิธภัณฑ์กีฬาของ เอสตาดิโอ เรย เปเล่ มีรูปปั้นของฮีโร่ชาวอลาโกอัน หลายราย อย่าง มาริโอ ซากัลโล่ และ ดีด้า ประดับอยู่ แต่ที่นั่นกลับไร้เงาของรูปปั้น ฟีร์มีโน่ ทั้งที่เขาเป็นซูเปอร์สตาร์ของท้องถิ่นที่ลืมตาดูโลกแถวนั้นแท้ๆ

แต่เมื่อลองไปถามคนตามท้องถนนมาเซโอ ผู้คนแถวนั้นกลับคิดต่างออกไป

สำหรับที่นี่  ฟีร์มีโน่ คือฮีโร่ผู้อ่อนน้อมถ่อมตัวและทำตัวเงียบๆ เหมือนเดิม

เขาได้รับการยกย่องไม่ว่าจะจากคนที่อยู่ท่ามกลางต้นปาล์มขนาดใหญ่, คนที่อยู่ตามโรงแรมหรู และคนที่อยู่ตามกองขยะพลาสติก โดยที่ เซร์คิโอ อเราโฆ่ ช่างเทคนิคด้านโทรศัพท์มือถือที่อยู่ใกล้กับชายหาด ปอนต้า เวอร์เด้ ให้คำนิยามถึงเขาได้ดีที่สุด

 “โรแบร์โต้ คือผู้เล่นบราซิเลี่ยนที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้” 

    “เขาคงไม่เคยพูดเองหรอก แต่ที่ผมจะพูดคือ -แม้แต่ เนย์มาร์ ก็ไม่เหมาะที่จะแทนที่เขาเลย-“

คลิกเลย >>>  ข่าวฟุตบอล

คลิกเลย >>>  https://www.marketingtoolkitfsc.org/